วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้รับรางวัล ~ Dentiste Reminerale Lable

www.thaiprintawards.com


       Thai Print Awards หรืองานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ถูกจัดขึ้นโดยสมาคมการพิมพ์ไทย โดยงานนี้จัดขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานและคุณภาพงานพิมพ์ไทย ให้ก้าวไกลสู่สากล อีกทั้งยังเป็นการสานต่อความสำเร็จที่ผ่านมา และเป็นการเปิดโอกาสให้กับโรงพิมพ์รายใหม่ๆ ที่สามารถพิมพ์งานที่มีคุณภาพอีกด้วย โดยการจัดงานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาตินั้น มีแนวคิดสนับสนุนการเพิ่มความคิดสร้างสรรค์เข้าไปกับคุณภาพและทักษะการพิมพ์อันยอดเยี่ยม เพื่อให้งานพิมพ์ของคนไทยนั้นสามารถสร้างความแตกต่างในตัวของผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นการต่อยอดไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าสิ่งพิมพ์ของคนไทย ซึ่งการประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาตินั้นถูกจัดขึ้นมาแล้วอย่างต่อเนื่องจากอดีตถึงปัจจุบัน ทั้งหมด 6 ครั้ง (ครั้งที่ 6 ในปี พ.. 2554) ซึ่งในแต่ละครั้งก็จะแบ่งประเภทของการประกวดแตกต่างกันออกไป โดยในครั้งที่ 4 ประจำปี พ..2552 นั้นได้แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ รวมทั้งหมด 25 ประเภท โดยผู้ชนะเลิศในแต่ละประเภทจะได้รับเหรียญทองพร้อมโล่เกียรติคุณ ส่วนผู้ที่ชนะเลิศอันดับ 2 และ 3 จะได้รับเหรียญเงินและเหรียญบรอนซ์ตามลำดับ นอกจากนี้ทางสมาคมยังจัดให้มีรางวัลพิเศษที่เรียกว่า Best of The Best Awards อีก 6 รางวัล โดย Dentiste Reminerale Lable นั้น ได้รับรางวัล Gold Award (เหรียญทอง) ประเภท ฉลาก สติกเกอร์  ป้ายบรรจุหีบห่อ (Labels and Tags)
www.tradewinds.com
            สำหรับยาสีฟันเดนทิสเต้ นั้นเป็นยาสีฟันยี่ห้อแรกที่ได้เข้า​มาเซกเมนต์ Night Time หรือการใช้ยาสีฟันในช่วงเวลาก่อ​นนอน โดยมีจุดมุ่งขายในเรื่องการลดแบ​คทีเรียในช่องปากระหว่างการนอนห​ลับ โดย เดนทิสเต้ Repaire' เป็นนวัตกรรมใหม่จากอเมริกาที่ช่วยซ่อมแซมฟันสึกกร่อนผุในระยะเริ่มแรก เพื่อฟันที่ขาวขึ้น ลดอาการเสียวฟันและสุขภาพเหงือกที่ดีขึ้น ด้วยสารพิเศษ Calcium Sodium Phosphosilicate ที่ช่วยเพิ่มขบวนการคืนกลับแร่ธาตุแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัส เข้าสู่เนื้อฟัน 
            Dentiste Reminerale Lable นั้น ได้รับรางวัลในประเภท ฉลาก สติกเกอร์  ป้ายบรรจุหีบห่อ (Labels and Tags) ซึ่งจัดว่าเป็นสิ่งพิมพ์เพื่อการบรรจุภัณฑ์ เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่ใช้ในการห่อหุ้มผลิตภัณฑ์การค้าต่างๆ แยกเป็นสิ่งพิมพ์หลัก ได้แก่ สิ่งพิมพ์ที่ใช้ปิดรอบขวด หรือ กระป๋องผลิตภัณฑ์การค้า สิ่งพิมพ์รอง ได้แก่ สิ่งพิมพ์ที่เป็นกล่องบรรจุ หรือลัง เป็นต้น


       หลักการในการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์สำหรับสินค้านั้น ต้องเน้นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์เป็นสำคัญ และต้องสร้างแรงดึงดูดใจแก่ผู้บริโภค รวมไปถึง รายละเอียด ประโยชน์ ของผลิตภัณฑ์ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบ การใช้รูป และการใช้สี ก็เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เพราะรูปและสีนั้นสามารถสร้างแรงจูงใจให้แก่สินค้าและผู้บริโภค หลักความสมดุลของการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์นี้ เน้นการวางรูปแบบของตัวอักษรที่อ่านง่ายและมีขนาดตัวอักษรที่พอเหมาะ ผู้บริโภคสามารถอ่านรายละเอียดของสินค้าได้ง่าย  ระยะการวางตัวอักษรจากขอบ มีขนาดที่พอดีและจัดเรียงตรงบรรทัด ทำให้เกิดความสมดุลในชิ้นงาน ส่วนการเลือกรูปมาใช้ในการประกอบรายละเอียด สามารถดึงเอาจุดเด่นที่มีของตัวผลิตภัณฑ์ ออกมาได้อย่างชัดเจน และน่าเชื่อถือ อาทิ เช่น รูปภาพ ประสิทธิภาพในการทำงานของผลิตภัณฑ์นี้ การใช้สีจะใช้สีที่เป็นโทนสีเขียว เพราะ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ คือ เป็นยาสีฟันที่มีส่วนผสมของสมุนไพร เป็นหลัก ผู้ออกแบบจึงเลือกใช้สีที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ การจัดวางองค์ประกอบสื่อสิ่งพิมพ์ มีการเว้นระยะได้ดีระหว่างรูปภาพและข้อความ ทำให้ผู้บริโภคอ่านแล้วรู้สึกดูไม่รกรุงรังจนเกินไป เพื่อให้ง่ายต่อการรับข้อมูลของผู้บริโภค เพราะถ้าสื่อไม่สามารถสื่อความหมายให้กับผู้อ่านได้อย่างเต็มที่ สื่อนั้นก็จะเป็นสื่อที่สูญเปล่า จังหวะในการออกแบบหรือระยะตำแหน่งขององค์ประกอบเป็นช่วงๆ ทำได้ดีมากเพราะมีการใช้เส้นตรงและการใช้ตัวอักษรที่เป็นแนวตั้งต่อจากตัวอักษรที่เป็นแนวนอนก็สามารถกำหนดทิศทางการอ่านของผู้บริโภคได้อย่างลงตัว ส่วนในเรื่องจุดสนใจของสื่อจะให้ความสนใจเกี่ยวกับชื่อของผลิตภัณฑ์ ที่มีขนาดตัวอักษรที่ใหญ่กว่ารายละเอียดทำให้อ่านได้ชัดเจน 
www.thaiprintawards.com
       สื่อสิ่งพิมพ์ ฉลาก สติกเกอร์  ป้ายบรรจุหีบห่อ ผลิตภัณฑ์ Dentiste’  จึงมีความเหมาะสมที่จะได้รับรางวัล ชนะเลิศ การประกวดงาน Thai Print Awards ปี 2009 ( งานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ปี พ..2552 ) เพราะมีการออกแบบที่เรียบง่ายต่อความเข้าใจของผู้บริโภคสินค้า สามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน  และมีการดึงจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์ออกมาใส่ในการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์นี้ทำได้อย่างดีเยี่ยม โดยทั้งนำเสนอผ่าน สี และรูปภาพ การใช้ตัวอักษรที่พอเหมาะ ทำให้อ่านง่าย ซึ่งทั้งหมดตรงตามหลักการออกแบบอย่างชัดเจน และตรงตามหลักการของศิลปะที่เรียกว่า Communication Art


วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

วิเคราะห์การออกแบบกล่องบรรจุตุ๊กตาของร้าน BUILD A BEAR


ที่มา www.buildabear.com
             กล่องบรรจุตุ๊กตาของร้าน BUILD A BEAR เป็นสิ่งพิมพ์ที่ใช้ในการห่อหุ้มผลิตภัณฑ์การค้าต่างๆของทางร้าน รวมไปถึงเป็นการสร้างแรงดึงดูด ความน่าสนใจ และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งกล่องบรรจุตุ๊กตาของร้าน BUILD A BEAR มีลักษณะเป็นรูปทรงของบ้าน และด้านบนมีที่สำหรับถือ     
          BUILD A BEAR มีการนำหลักการของการออกแบบมาใช้ได้อย่างลงตัวและเหมาะสม ช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับตัวสินค้า โดยได้จำลองรูปทรงของบ้านมาใช้ในการออกแบบสร้างบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ของทางร้านที่เป็นตุ๊กตา วัสดุที่นำมาใช้นั้น เป็นกระดาษลังที่มีความหนาไม่มาก แต่มีความแข็งแรงทนทาน ย่อยสลายได้ง่าย ตรงบริเวณหน้าต่างของบ้านนั้น จะไม่มีการใช้พลาสติกใส เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่จะเป็นกระดาษที่ถูกเจาะเป็นรู ซึ่งเป็นการช่วยลดขยะที่ย่อยสลายได้ยาก และเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะหลักการออกแบบในปัจจุบันต้องคิดคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นกล่องบรรจุภัณฑ์แล้ว ผู้บริโภคยังสามารถนำกล่องนี้ไว้ใช้งาน เป็นบ้านตุ๊กตาที่ซื้อกลับไปได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการผลิต และออกแบบที่ได้ผลประโยชน์ถึงสองต่อ

ที่มา www.buildabear.com

          การใช้สีและลายเส้น สีที่ใช้จะเน้นสีที่อยู่ในโทนของสีวรรณะเย็น เช่น สีน้ำเงินของลายเส้น และ สีของตัวกล่องหรือตัวบ้านที่เป็นสีขาว เพื่อให้เกิดการมองเห็นที่สบายตาและดูอ่อนโยน ส่วนลักษณะของลายเส้น จะเป็นเหมือนเส้นที่วาดด้วยดินสอ ลายเส้นมีความพลิ้วไหว เป็นมิติ และมีการผสมผสานระหว่าง เส้นตรง เส้นโค้ง รวมไปถึงลวดลายต่างๆ เพื่อให้เกิดความอ่อนโยน เพราะถ้าบรรจุภัณฑ์นี้ใช้แต่เส้นตรงเพียงอย่างเดียวจะทำให้เกิดความแข็งกระด้าง ลวดลายที่พิมพ์ลงไปในกล่องบรรจุภัณฑ์นั้น จำลองลวดลายมาจากบ้าน ถ้าลองสังเกตตรงส่วนบนของกล่องนั้นจะทำเป็นเหมือนหลังคาของบ้าน และมีการลงลายกระเบื้องมุงหลังคา ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นทำออกมาได้ดี และดูเอาใจใส่ มีการลงแสงและเงาเพื่อสร้างมิติให้กับบรรจุภัณฑ์ หลักการสร้างความสมดุลของตัวบรรจุภัณฑ์ได้มีการนำหลักการออกแบบมาใช้โดยสามารถดูได้จากการจัดวาง ประตูหน้าต่างของบ้าน จะอยู่ในส่วนของตรงกลาง ถ้ามีการเพิ่มรายละเอียดลวดลายเข้าไปข้างใดข้างหนึ่ง อีกข้างก็ต้องมีการเพิ่มเพื่อสร้างความสมดุลในการออกแบบ เรื่องความมีเอกภาพของบรรจุภัณฑ์ที่นำมาใช้ยกตัวอย่างนั้น มีความเป็นเอกภาพในตัวของบรรจุภัณฑ์อยู่แล้ว เพราะลวดลายทั้งหมดของการออกแบบสัมพันธ์กัน จุดเน้นความสนใจของบรรจุภัณฑ์จะเป็นตัวอักษรที่เขียนว่า I’m going home สื่อได้ตรงๆเลยก็คือ มันคือ กล่อง หรือ บรรจุภัณฑ์ ที่ใช้สำหรับนำสินค้ากลับบ้าน อีกจุดหนึ่งก็คือ การที่ตัวบรรจุภัณฑ์เป็นรูปทรงบ้าน เป็นการสร้างจุดสนใจในงานออกแบบ และด้วยขนาด สัดส่วน ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป พอดีกับตัวตุ๊กตาของทางร้าน ทำให้เมื่อใส่สินค้าเข้าไปในกล่องบรรจุภัณฑ์แล้ว ทำให้เกิดความสวยงาม ตรงหน้าต่างบนบานประตู(ดูได้จากภาพประกอบ) จะเจาะรูไว้ตรงกับบริเวณส่วนหน้าของตัวตุ๊กตาพอดี เพื่อให้เห็นรูปลักษณะของตัวสินค้า การจัดวางองค์ประกอบของลวดลายตัวบ้าน เช่น หน้าต่าง ประตู มีขนาดที่สัมพันธ์ กับขนาดของตัวบ้าน และมีการจัดวางตัวอักษรที่โค้งรับตามแนวของขอบหน้าต่าง
ที่มา http://www.athaitraveller.com



          ด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย ไม่หรูหรา ทาง BUILD A BEAR ได้สร้างบรรจุภัณฑ์ที่เป็นรูปทรงบ้านออกมาได้ตรงตามพันธกิจของทางร้าน ซึ่งตุ๊กตานั้นช่วยทำให้เราหวนคิดถึงวัยเด็ก มิตรภาพ ความเชื่อถือ ความสบายและรวมไปถึงความรักด้วย ซึ่งทุกอย่างตอบโจทย์ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม  




ที่มา http://www.houseind.com/fonts/sightings/buildabear

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

บทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์ “ป้ายโฆษณา”

    
       ป้ายโฆษณา เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทหนึ่ง โดยสื่อสิ่งพิมพ์นั้น คือ สื่อที่ใช้การพิมพ์เป็นหลักเพื่อติดต่อสื่อสาร ทำความเข้าใจกันด้วยภาษาเขียน โดยใช้วัสดุ กระดาษ หรือวัสดุอื่นใด ที่พิมพ์ได้หลายสำเนา เช่น ผ้า แผ่นพลาสติก ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท โดยจุดประสงค์ส่วนใหญ่เพื่อให้คนทั่วไปรู้จักสินค้าหรือบริการนั้นๆ ซึ่งในอดีตการโฆษณาจะมีลักษณะของการร้องป่าวประกาศเชิญชวน จนในปัจจุบันการโฆษณาก็ได้แพร่หลายทำได้ตามสื่อต่างๆหลากหลายรูปแบบ

ตูน บอดี้สแลม ร่วมออกแบบคอลเลคชั่น CPS CHAPS 'No Pain No Gain'

     ในปัจจุบันแม้ว่าสื่อออนไลน์จะมีบทบาทกับสื่อโฆษณามากขึ้น แต่ตามใจกลางเมืองใหญ่ๆ ผู้คนส่วนมากก็ยังออกนอกบ้านเพื่อไปทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ดูภาพยนตร์ ไปช้อปปิ้ง หรือรับประทานอาหารตามห้างร้านต่างๆ ทำให้ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ยังเป็นสื่อที่มีความสำคัญ เพราะเป็นที่สังเกตได้ง่ายสำหรับผู้ที่สัญจรไปมา โดยเป็นสื่ออย่างหนึ่งที่ให้ผลดีในการเผยแพร่ข่าวสาร ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของธุรกิจนั้นๆ นอกจากนั้นยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัท ยกตัวอย่างเช่นบริษัทต้องการให้ภาพลักษณ์แบรนด์ของบริษัทมีลักษณะเท่ห์ หรู ดูดี บริษัทก็ไปจ้างดารา นักแสดง ที่มีบุคลิกดังกล่าวมาไว้ในแผ่นป้ายโฆษณา เพียงเท่านี้ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาจดจำเป็นภาพลักษณ์ของแบรนด์ดังกล่าวได้ โดยธุรกิจทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือขนาดย่อม ก็จะมีลักษณะของป้ายโฆษณาที่แตกต่างกันออกไป เพราะป้ายโฆษณาเหล่านี้มีการลงทุนสูง ทั้งค่าออกแบบ ค่าเช่า และค่าติดตั้ง ก็จะมีทั้งป้ายคัทเอาท์ บิลบอร์ดขนาดใหญ่ ป้ายผ้าใบ เป็นต้น สถานที่ติดตั้งก็จะแตกต่างกันออกไป อาจจะเป็นในพื้นที่ของบริษัท บนหลังคา ด้านข้างตึก ในห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า ตามทางด่วนหรือถนนสายหลัก ซึ่งสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล หรือใกล้ โดยจะมีการออกแบบให้โดดเด่น และสะดุดตา แก่ผู้คนทั่วไปที่ผ่านไปมา ซึ่งนอกจากป้ายโฆษณาจะมีผลดีกับธุรกิจต่างๆแล้ว ก็ยังมีป้ายโฆษณาประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นป้ายรณรงค์ ลดโลกร้อน ป้ายงดเหล้าเข้าพรรษา ป้ายรณรงค์ยาเสพติด หรือป้ายสนับสนุนการท่องเที่ยว อย่างไทยเที่ยวไทย ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ เป็นการกระตุ้นให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นการดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการออกแบบแผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ที่สังเกตเห็นบ่อยๆก็จะเป็นตามทางด่วน หรือถนนสายหลัก มีการออกแบบโดยเอาสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ กิจกรรมที่น่าสนใจ หรือวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมต่างๆ ในแต่ละจังหวัดมานำเสนอ โดยมีการออกแบบให้ดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกแล้วยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้แก่ชุมชน จะเห็นได้ว่าป้ายโฆษณาแต่ละประเภทก็จะมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันออกไป อาจจะเป็นเชิงธุรกิจ เชิงโฆษณา หรืออาจจะเป็นป้ายโฆษณาที่ให้แง่คิดสร้างสรรค์สังคม อย่างเช่น ป้ายโฆษณาของบริษัท ประกิต โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ตามที่ได้เขียนไว้ในมติชนออนไลน์ว่า

สัญญาณไฟ "เหลือง แดง" ที่ใครก็ไม่อยากเจอเวลาที่ต้องอยู่บนถนนที่มีการจราจรแออัด เหมือนกับความ อึดอัดของสังคมไทยขณะนี้ที่ไม่ต้องการเห็นเสื้อ "เหลือง-แดง" เผ่นพ่านบนถนนปิดการจราจรแทนสัญญาณไฟ หากปล่อยแค่สัญญาณ "เหลือง-แดง"แบบนี้ชาติจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร ใครที่ผ่านไปมาแถวๆ ริมทางด่วน บางนา (สุขุมวิท 62 ) ข้างๆกับตึกของ "ประกิต โฮลดิ้งส์" คงจะเห็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างๆตึก เป็นรูปสัญญาณไฟ "เหลือง-แดง" เขียนข้อความ "ชาตินี้ไม่ต้องไปไหน" และ "เพื่อพ่อให้ชาติไปต่อเถอะครับ"  ทุกๆปี บริษัท ประกิต โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จะนำป้ายโฆษณาที่มีไว้สำหรับโฆษณาประชาสัมพันธ์ในเชิงสร้างสรรค์สังคมใน โอกาสต่างๆ มาโชว์และที่ฮือฮาจนกลายเป็นที่รับรู้ของสังคม และป้ายนี่ถือว่าทรงพลังไม่น้อยที่ทำให้คนได้ฉุกคิดและหยุดดูนำไปคิดต่อ  โดย "กิ่งรัก  อิงคะวัต" ครีเอทีฟ บริษัท ประกิต โฮลดิ้งส์ ทีมงานที่สร้างสรรค์ป้ายนี้ บอกว่า ทุกปีจะคิดแคมเปญส่งเสริมสังคมเช่นเรื่องรณรงค์เมาไม่ขับ ลดโลกร้อน และหลากหลายที่ส่งเสริมสังคม เช่นเดียวกับป้ายนี้ที่ต้องการติดในช่วงเดือนธันวาคม จึงได้นำแนวคิดเรื่องความจงรักภักดีในโอกาสวันพ่อ 5 ธันวาคม ขณะเดียวกันเห็นสังคมแตกแยกกันมาก อยากเป็นส่วนสะท้อนทางสังคมเพื่อให้คนฉุกคิดว่า จะทำให้บ้านเมืองสงบ จึงนำมาเปรียบเทียบกับสัญญาณไฟจราจร เป็นการใช้สภาพแวดล้อมให้เป็นประโยชน์ ได้รับการตอบรับมาก คนชอบมาก ที่มาของป้ายนี้เกิดจากการประกวดกันภายในแล้วคัดเลือกมาซึ่งป้ายนี้เป็น ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด การผลิตไม่แพงมากน่าจะมีคนสนใจ พลังใจการหยุดสูงสุด  ตอนกลางคืนจะติดไฟจริงจะเห็นสัญญาณไฟชัดเจนเป็นสี "เหลือง แดง" ผู้สร้างป้ายนี้ขึ้นมาคงหวังว่าจะทำให้คนฉุกคิดได้ว่าหากสังคมมีแต่สี เหลืองกับสีแดงประเทศชาติก็เปรียบเหมือนกับรถที่ไม่มีวันได้ไปไหน ต้องหยุดอยู่กับที่ หากต้องการให้ประเทศชาติก้าวเดินต่อไป ทุกคนต้องช่วยกันสร้างไฟเขียวให้เกิดขึ้น ขอย้ำว่า"ไฟเขียว"ไม่ใช่"สีเขียว"

   จะเห็นได้ว่าแผ่นป้ายโฆษณาต่างๆนั้นมีอิทธิพลและบทบาทต่อสังคมเป็นอย่างมาก เช่น ป้ายโฆษณาการสร้างสรรค์สังคมนั้นก็อาจจะมีผลทำให้ผู้คนจำนวนหนึ่งได้ฉุกคิด และตระหนักถึงเรื่องต่างๆได้มากยิ่งขึ้น ป้ายโฆษณาการท่องเที่ยวก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน ส่วนป้ายโฆษณาเชิงธุรกิจนั้น นอกจากจะช่วยประชาสัมพันธ์สินค้า หรือบริการแล้ว ก็ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับบริษัท นอกจากนั้นก็มีป้ายโฆษณาอีกมากมายที่ถูกจัดทำขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป โดยเราเองซึ่งเป็นผู้บริโภคสื่อ เราต้องมีวิจารณญาณในการรับสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ในรูปแบบไหน ถ้าเรารู้จักเลือกรับสื่อ ไม่ปักใจเชื่อโดยไม่ใช้วิจารณญาณ เราก็จะได้รับประโยชน์จากสื่อนั้นๆมากที่สุด 

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

สื่อสิ่งพิมพ์ที่ชื่นชอบ ~ นิตยสาร a day


“ I'm trying to change the society,starting with my magazine,with my readers. ” Wongthanong Chainarongsingha , NATION JUNIOR March 15-31,2002
                หยิบยกมาจากหนังสือ a day story ของคุณวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ซึ่งถ้าหากกล่าวถึง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ แล้ว หลายๆคนก็คงจะคุ้นหู ในชื่อที่เรียกกันจนติดปากว่า พี่โหน่ง วงศ์ทะนง ผู้ก่อตั้งนิตยสาร a day นั่นเอง ในส่วนตัวของฉันก็เคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง จนกระทั่งได้ดูเทปสัมมนาย้อนหลังของคุณวงศ์ทะนง ชัยณรงค์สิงห์ ที่ได้รับเชิญมาบรรยายที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ เมื่อหลายปีก่อน ในวิชา swu จึงทำให้ฉันได้เริ่มต้นรู้จัก พี่โหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ และนิตยสาร a day มากยิ่งขึ้น นิตยสาร a day นั้น เป็นนิตยสารคิดมาก แต่อ่านง่าย เกี่ยวกับเรื่องทั่วไปในสังคมไทย เป็นนิตยสารที่เป็นต้นแบบนิตยสารทางเลือกของวัยรุ่น ซึ่งจัดได้ว่าเป็น “positive thinking magazine” จนวงการนิตยสารไทยยกให้เป็นนิตยสาร ขวัญใจเด็กแนว
จากการได้ดูเทปสัมมนาย้อนหลังของพี่โหน่งในวันนั้น ฉันก็กลับไปซื้อนิตยสาร a day จำไม่ได้ว่าเป็นฉบับที่เท่าไหร่ แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันซื้อนิตยสาร a day จากที่แต่ก่อนฉันไม่ค่อยได้ซื้อนิตยสารมาอ่านมากเท่าไรนัก ส่วนใหญ่จะหยิบยืมอ่านจากเพื่อนๆ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ฉันชอบอ่านหนังสือประเภทเรื่องสั้น วรรณกรรม มากกว่า แต่ในเริ่มแรกด้วยความประทับใจในตัวของพี่โหน่ง ฉันจึงเริ่มที่จะหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านอย่างจริงจัง ฉันใช้เวลาไม่นานในการอ่าน a day ในแต่ละเล่ม a day เป็นนิตยสารเล่มเดียวที่ฉันรู้สึกว่าอ่านได้ทุกหน้า แม้กระทั่งหน้าโฆษณา เพราะฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรน่าสนใจมากกว่านั้น บ้างก็เป็นกิจกรรมดีๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าเราอ่านข้ามไปก็อาจจะพลาดกิจกรรมดีๆนั้นไปก็ได้ โดยทั่วไปแล้ว สำหรับนิตยสารอื่นๆฉันจะเลือกอ่านแค่คอลัมน์ที่ฉันสนใจ หรือเปิดดูรูปผ่านๆ เพียงไม่กี่ครั้งนิตยสารเล่มนั้นๆก็จะถูกเก็บเข้าชั้นหนังสือไป แต่ a day ไม่ว่าเวลาไหนๆ ฉันก็จะสามารถหยิบขึ้นมาอ่านได้โดยไม่รู้เบื่อ ถึงแม้จะอ่านคอลัมน์นั้นไปแล้ว แต่ฉันก็สามารถนำขึ้นมาอ่านได้อีก เหมือนเป็นการสร้างความคิดต่อยอดให้กับตัวเอง ในนิตยสารเล่มนี้ประกอบไปด้วยคอลัมน์หลายๆคอลัมน์จากนักเขียนหลายๆคน หรือจากคนทั่วๆไป ก็มีคอลัมน์ที่เปิดให้แสดงความสามารถส่งเรื่องของตนเข้าไปได้ เช่นคอลัมน์ “Think positive/ขอเปลี่ยน เป็นคอลัมน์ที่เราสามารถส่งไอเดียเจ๋งๆ ที่เราอยากปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือออกแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องแต่งกาย สิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ ก็สามารถส่งเข้าไปได้ โดย a day บอกไว้ว่าความคิดแบบทีเล่นทีจริงของเราอาจจะเกิดประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่ผู้คนและสังคมก็เป็นได้ ซึ่งฉันเองก็ได้เขียนไว้หลายไอเดีย แต่ก็ยังไม่เคยได้ส่งเข้าไป หรือคอลัมน์ “retweet” ที่หยิบยกเอาประโยคเด็ดหรือถ้อยคำเจ๋งๆทั้งจากคนทั่วๆไป หรือศิลปินดารา ในทวิตเตอร์มาไว้ให้เราได้อ่านและฟอลโลว์ไปได้ คอลัมน์ ปฐมนิเทศ#5” ซึ่งเขียนโดยพี่โหน่ง วงศ์ทะนง ก็จะเป็นข้อความดีๆหรือบทความสอดแทรกแนวคิด และที่ขาดไม่ได้ก็คือ คอลัมน์ “main course” ซึ่งแต่ละเล่มก็จะแตกต่างกันออกไป รวมถึงมีการออกแบบปกแต่ละเล่มให้สอดคล้องกับ main course ของเล่มนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น ปกเร แมคโดนัลด์ ก็จะเป็นเนื้อหาหลักเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แบ็กแพ็กเกอร์ ปกInspiration เนื้อหาหลักก็จะเกี่ยวกับแรงบันดาลใจ และที่ฉันชื่นชอบมากที่สุดคือปกจารุนันท์ ทวีปัญญา , ดรัลชรัส ศุขีวิริยะ , อายากะ ฮิชิมูระ เนื้อหาหลักเกี่ยวกับเรื่องเล่าจากคนทะเล ซึ่งโดยส่วนตัวของฉันรักทะเลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และ main course เล่มนี้ ดึงดูดใจฉันด้วยประโยคที่ว่า เราต่างมีทะเลเป็นของตัวเองเมื่อพลิกหน้าต่อๆไปก็จะเป็นเรื่องราว มุมมองและประสบการณ์ของแต่ละคนที่อยู่ใกล้ทะเล ไม่ว่าจะเป็นแม่ค้าที่ขายของริมหาด เจ้าของร้านเช่าจักรยาน ห่วงยาง เจ้าของเตียงผ้าใบ บาร์เทนเดอร์ บีชบอย เจ้าของเรือยอร์ช นักวิจัย นักอนุรักษ์ ครูสอนดำน้ำ กัปตัน ไต้ก๋ง เป็นต้น หลังจากอ่านแล้วฉันรู้สึกว่าฉันรักทะเลเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้กี่พันเท่า ฉันรู้สึกเหมือนได้มองทะเลในมุมมองที่แตกต่างออกไป ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ ที่สามารถสร้างเป็นแรงบันดาลใจที่มีค่าให้กับตัวเราเอง ฉันขอหยิบยกประโยคหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของคุณอมร อินทรเจริญ เจ้าของเรือยอร์ช อ่าวสปัม จังหวัดภูเก็ต ว่า เมื่ออยู่ในทะเลเราจะรู้สึกว่าเรามีเวลาคุยกับตัวเองมากขึ้น คำถามที่คุณสงสัยมาตลอดชีวิต บางทีอาจจะเจอคำตอบโดยไม่รู้ตัว


และนี่เป็นเพียงไม่กี่คอลัมน์ที่ฉันหยิบยกขึ้นมา ในจำนวนคอลัมน์กว่า 40 คอลัมน์ ภายใต้เนื้อหาหลัก 3 ส่วนของนิตยสาร a day คือ somebody nostalgia และ idea
          หลังจากอ่าน a day ฉันว่าแต่ละคนคงมีความคิดที่แตกต่างกันออกไป แต่ในส่วนตัวของฉันแล้ว นิตยสาร a day ในทุกๆคอลัมน์ เราสามารถต่อยอดความคิดได้จากเรื่องนั้นๆได้อีก เหมือนเนื้อหา ความรู้ ความคิด ไม่ได้จบลงแค่ในหน้ากระดาษ แต่สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริง เหตุการณ์จริงได้ เพียงเรารู้จักที่จะเปิดใจเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว อย่าอ่านเพียงเพื่อให้ผ่านไป อ่านเพียงเพื่อความสนุกชั่วครั้งคราว แต่ถ้าเรารู้จักมองให้ลึกกว่านั้น ข้อความในหน้ากระดาษก็จะไม่ใช่เพียงแค่กระดาษธรรมดา แต่นั่นเป็นเหมือนครู เป็นเหมือนแรงบันดาลใจ ให้เราเรียนรู้และเพิ่มพูนความคิดต่อยอด และไม่ว่าจะนานแค่ไหนนิตยสาร a day ก็ยังเป็นนิตยสารที่ฉันสามารถหยิบขึ้นมาอ่านได้ตลอดเวลา ถึงแม้เล่มนั้นๆจะวางแผงมาแล้วหลายเดือน หรือเป็นปี เนื้อหาในแต่ละเล่มก็สามารถนำมาประยุกษ์ใช้กับชีวิตของเราได้ในทุกๆช่วงวัย ไม่ว่าเราจะเจอเรื่องทุกข์ใจ เจอปัญหาอุปสรรคใดๆก็ตาม นิตยสารเล่มนี้ก็เป็นทางเลือก ให้เราได้เปิดใจเรียนรู้จนเราอาจจะค้นพบคำตอบของปัญหาก็เป็นได้ ฉันเชื่อว่าทุกคนคงเคยผ่านช่วงเหตุการณ์ที่ไม่ดีๆในชีวิต และฉันเองก็เช่นกัน จนฉันพบข้อความหนึ่ง ในคอลัมน์ “hesheit” ซึ่งเป็นคอลัมน์ที่แตกต่างจากคอลัมน์อื่นๆด้วยกระดาษ และบอกเล่าเรื่องราวด้วยการ์ตูนสอดแทรกเนื้อหา ฉันจำไม่ได้ว่าเป็น a day เล่มที่เท่าไหร่ แต่ที่ฉันจำได้ขึ้นใจก็คือ ภาพการ์ตูนนั้นเป็นเรื่องราวของผู้ชายกับผู้หญิง โดยในแต่ละวันผู้หญิงก็จะเจอเหตุการณ์ต่างๆมากมาย ทั้งในครอบครัว ที่ทำงาน ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ วิตกกังวล ผู้ชายก็ได้บอกกับผู้หญิงว่า ให้คิดกล่องขึ้นมากล่องหนึ่ง วางไว้ข้างเตียง แล้วเอาไอ้ที่แบกไว้ไปใส่ในกล่องนั้น พรุ่งนี้ว่ากันใหม่..” ข้อความนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันรู้จักคำว่าปล่อยวาง รู้จักเรียบเรียงความคิด และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ประโยคหนึ่งในนิตยสารเล่มโต แต่ถ้าเราอ่าน แล้วตระหนักในเรื่องนั้นๆก็จะเกิดผลดีกับตัวเราเองไม่ใช่น้อย และไม่ใช่แค่เพียงนิตยสารเล่มนี้เท่านั้น แต่รวมถึงนิตยสารเล่มอื่นๆ หนังสือนิยาย วรรณกรรม การ์ตูน หรือแม้กระทั่งหนังสือเรียนก็ตาม ก็จะให้ความรู้ความคิดที่แตกต่างกันออกไป เพียงเราเลือกที่จะเรียนรู้ ใช้สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆที่มีให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด